ความรักวันนี้
1. มุมมองความรักตอนอายุ 15 เป็นอย่างไร
อืมม์....
สวยงาม เพ้อฝัน ฉันรักเธอ เธอรักเค้า เราไม่รักกัน มีงอน มีไม่เข้าใจ แต่ก็ใส่ใจกัน วูบวาบ (555) รู้สึกมันเป็น Passion ค่อนข้างเยอะ เหมือนเราเรียนรู้มันมาเรื่อย จนวันหนึ่งรู้ตัวเองว่าเรามองมันต่างออกไป
2. มุมมองความรักตอนนี้เป็นแบบไหน
เป็นแบบ Realistic+Abstract มากขึ้น ความเพ้อฝันต่ำ อยู่กับความจริงตรงหน้า เข้าใจและยอมรับความต่างได้มากขึ้น แต่ก็ยังไม่ทั้งหมด ความรักสำหรับฉันมันยังคงความสวยงามอยู่ ไม่ได้หมายถึงในส่วนที่เป็นความรักของหนุ่มสาวอย่างเดียว มองกว้างออกไปถึงรักเพื่อนร่วมโลก รักเพื่อนร่วมงาน รักญาติๆ พี่น้อง อะไรมันก็ดีเวลาที่หัวใจเรามีความรักอยู่ จากนั้นมันจะเป็นเรื่องของการแบ่งปัน เอื้อเฟื้อตามมา
3. คุณคิดว่าอะไรเป็นอุปสรรคของความรัก
น่าจะเป็น..ความคาดหวัง...
คาดหวังในสิ่งที่คนคนนั้นไม่ได้เป็น หรือเป็นไม่ได้ และไม่ได้ทำ หรือทำไม่ได้..แต่เราอยากให้เค้าเป็น/ ทำเพื่อความรักของเรา แต่ในความจริงแล้ว เราเปลี่ยนแปลงใครไม่ได้ แม้กระทั่งตัวเราเองก็ยังเปลี่ยนได้ยาก หากวันหนึ่งคิดคาดหวัง.. พอไม่ได้ตามหวัง เราก็ผิดหวัง เสียใจ ร้องไห้ แต่จริงๆ แล้วเราผิดตั้งแต่เราเริ่มคาดหวัง ถ้าเราอยากเปลี่ยนใครสักคน..ให้ลองเปลี่ยนตัวเองก่อน เปลี่ยนตัวเองให้ยอมรับและเข้าใจคนคนนั้นมากๆ สุดท้ายแล้วเราจะไม่ต้องการเปลี่ยนคนคนนั้นอีกเลยก็ได้ เพราะเราเข้าใจในความเป็นตัวเค้ามากขึ้น
เราพบเจอตัวอย่างของความคาดหวังในมุมของความรักแบบหนุ่มสาวอยู่บ่อยๆ ลองดูความรักแบบคาดหวังของพ่อแม่ ที่รักลูกแต่อยากให้ลูกเป็นอย่างที่ตัวเองอยากให้เป็น แบบนี้คาดหวังหรือเปล่า? แล้วแบบนี้เรียกว่ารักได้มั้ย? อยากให้ลูกเป็นนักบิน อยากให้ลูกเป็นวิศวกร แต่ไม่ได้ดูว่าสิ่งที่อยากให้เป็นนั้นมันเหมาะกับลูกเราหรือเปล่า ซึ่งนั่นเป็นการกดดันคนที่เรารักอย่างไม่รู้ตัว...
ลองมองออกไปที่หน้าต่างคุณก็จะพบความรักที่มันไม่มีเงื่อนไขที่เราเองมีต่อดวงอาทิตย์ มนุษย์เรารักดวงอาทิตย์ เพราะถ้าไม่มีเค้าเราก็คงอยู่ไม่ได้ คุณเคยอยากให้ดวงอาทิตย์เปลี่ยนมาขึ้นทางทิศตะวันตกบ้างมั้ย โดยส่วนตัวแล้วฉันเคยนะ.. แต่ก็แค่คิด เราไม่มีพลังหรือความสามารถไปเปลี่ยนแปลง ชักจูง โน้มน้าวให้ดวงอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตกได้หรอก เราเองก็เกรงกับผลเสียที่จะเกิดขึ้น และยิ่งไปกว่านั้นเราเองก็รู้สึกคุ้นเคยกับนิสัยของดวงอาทิตย์ที่เป็นแบบนั้น จนเราปรับตัวให้เข้ากันกับดวงอาทิตย์ได้เป็นอย่างดี สรรพสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนไม่เป็นปรปักษ์กับดวงอาทิตย์ แต่ปรับตัวและเปลี่ยนแปลงตามสัญชาติญาณให้อยู่ร่วมกันได้
หากคุณมองความรักที่มีเป็นดั่งความรักที่คุณมีต่อดวงอาทิตย์แล้วล่ะก็
...ความรักแบบไม่มีเงื่อนไขก็คงชายตามองคุณอยู่ที่ไหนสักแห่ง
4. แล้วเราจะเพิ่มความไม่คาดหวังได้อย่างไร
มันเป็นกรณีที่น่าสนใจ โดยพื้นฐานทั่วไปบางทีเราอาจจะสื่อสารกันน้อยลง ไม่ว่าจะเป็น ทางกาย วาจา หรือ ใจ เราต้องเข้าใจพื้นฐานของคนที่เรารัก ความเข้าใจเกิดจากการเริ่มที่จะใส่ใจ แล้วเราจะใส่ใจกันอย่างไร มันมีได้หลากหลายรูปแบบที่จะแสดงถึงความใส่ใจนั้นๆ ในทำนองเดียวกัน เราเองก็ต้องลดอัตตาโดยไม่เอาไม้บรรทัดเราไปวัดใคร เพราะเราเองก็ไม่อยากให้คนอื่นเอาไม้บรรทัดของเขามาวัดเราเช่นกัน นี่ก็แสดงถึงความใส่ใจเล็กๆน้อยๆ พยามเข้าใจคนให้ถึงจิตและวิญญาณที่เค้ามีและเป็นอยู่
ท่านติช นัท ฮันห์ กล่าวอยู่เสมอว่า "เราเป็นดั่งกันและกัน"
ตอนแรกฉันเองไม่เข้าใจว่าเราเป็นแบบนั้นได้อย่างไร แต่หากเพียงคุณลองเปิดใจ แล้วเอาใจเค้ามาใส่ใจเรา เราก็จะเข้าใจความเป็นตัวตนของอีกฝ่ายมากขึ้น เมื่อเราเข้าใจมากขึ้น อัตตาของเราก็ลดลง สิ่งที่อยู่ในตัวเค้าก็อยู่ในตัวเรา ทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดี อันนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมีก้อนหินหนักกว่ากัน ก้อนหินก็เหมือนความหนักแน่น ที่มองๆไปก็เหมือนกับจุดยืนของตัวเรา เห็นไหมโยงไปโยงมาก็เกี่ยวเนื่องพัวพันกันไปหมด และสุดท้ายเราก็จะเป็นดั่งกันและกันจริงๆ (หัวเราะ)
5. Do you believe in destiny?
Yes, I do.
6. ความรักของคุณตอนนี้เป็นอย่างไร
ก็สบายดีนะโดยทั่วไป กำลังถึงจุดที่ต้องมองตัวเองอีกครั้ง เสียใจก็เสียใจแต่บางครั้งเราก็ควรปล่อยให้มันเป็นไป ไม่คิดอะไรให้มากมาย คร่ำครวญให้น้อยลง เรารู้อยู่แล้วว่าเเจ็บปวดแค่ไหน เราก็ไม่จำเป็นต้องไปย้ำด้วยการบอกคนอื่นว่าฉันเจ็บ เราเจ็บ สิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นสิ่งที่เราร่วมทำกันมา ไม่ใช่เป็นความผิดของใคร บางทีเรายังไม่รู้จักกันมากพอ เราเลยไม่เข้าใจกัน พอไม่เข้าใจมันก็ไม่เห็นคุณค่า...
7. เวลาที่คุณเจ็บปวด คุณแสดงมันออกมาอย่างไร
เมื่อก่อนต้องแสดงออก ร้องไห้ โวยวาย เรียกร้อง ต้องเขียน ต้องแสดงให้โลกรับรู้ ตั้งคำถามนู่นนี่ให้ปวดหัว วุ่นวาย รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีคำตอบ ผิดกับตอนนี้--นั่งพิมพ์อยู่นี่ก็เจ็บปวดนะ แต่ก็กดให้มันอยู่ลึกๆ เอาไว้ เพราะรู้ว่าสักพักมันก็จะผ่านไป เราจะสนุก เรียนรู้กับปัจจุบันขณะให้มากที่สุด เมื่อเราเจ็บ เราปวดก็ขอให้รู้ว่าเราเจ็บเราปวด แล้วเรียนรู้ที่จะจัดการกับตัวเองและใจของเราเอง
เวลาที่เหนื่อยมาก ก็ร้องไห้ ไม่เป็นไร มันเป็นธรรมชาติ ธรรมชาติที่เราเรียนรู้กันไม่จบสิ้น ถามว่าทำไมเราเจอกับเรื่องเดิม เจ็บปวดที่เดิมๆ นั่นเพราะเป็นการทดสอบของธรรมชาติ เพื่อให้เราเรียนรู้อะไรบางอย่างได้มากขึ้น สิ่งที่เปลี่ยนคือใจเรา ใจเรามองความเจ็บปวดนั้นเป็นอย่างไร หากมองว่าไม่เป็นไร สุดท้ายแล้วมันก็จะผ่านไป หากมองว่ามันเจ็บจังเลย คร่ำครวญว่าฉันจะทำอย่างไร ไม่มีใครที่มีคำตอบให้เราได้จนกว่าเราจะได้เรียนรู้ และจัดการกับตัวเราเอง
กำลังใจเป็นสิ่งที่จะช่วยประคองให้คุณก้าวข้ามผ่านวันเวลานั้นได้
...ตัวคุณรู้ดีว่าคุณเองจะหามันได้จากที่ไหน
...และกำลังใจที่ดีที่สุดอยู่ข้างในตัวเอง
8. นิยามคำว่า "รักแบบไม่มีเงื่อนไข"
อืมม์...
"มองไม่เห็น แต่รู้ว่ามีอยู่จริง"
ในวันที่ท้องฟ้าสดสวย เรามองหาดวงอาทิตย์ได้ง่ายๆ แต่ในวันที่ฟ้าไม่เป็นใจ เราเองไม่รู้จะหันหน้าไปทางไหน เพียงแต่เราเองรู้ว่าพระอาทิตย์อยู่ที่ไหนสักแห่งบนเวิ้งฟ้าแห่งนี้ นั่นก็เป็นกำลังให้เรา มองฟ้าแล้วก้าวต่อไป เพราะเราเองก็รู้ว่ามันมีอยู่จริงๆ
9. สำหรับคุณความรักเป็นสีอะไร
คงเป็นคล้ายกับสีผสมชีวิต คงเป็นญาติกับสีผสมอาหารอ่ะ แต่สีผสมอาหารเราเลือกได้ว่าอยากให้อาหารนั้นเป็นสีอะไร แต่สีผสมชีวิตเราก็เลือกได้ แต่อาจจะยากหน่อย และ"รู้สึก" ได้ง่ายกว่ามากเวลามีอะไรมากระทบ
10. ความต่างของ คนที่เรารัก กับ คนที่รักเรา
แค่เขียนก็ต่างกันแล้วใช่ไหม...
ในมุมมองของฉันตอนนี้ที่เห็นว่ามันต่างกันมากก็คงเป็น "การให้อภัย"
11. อยากฝากอะไรถึงใครไหม?
ความจริงก็ไม่อยากนะ เราต้องเรียนรู้ด้วยตัวตนของเราเอง เรียนรู้มันหลายๆ ครั้ง แล้วเราจะเป็นดั่งกันและกัน
ในชีวิตนี้สิ่งที่ฉันเสียใจมากที่สุด คือการไม่ทำปัจจุบันให้ดี พอสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น บ่อยๆ ที่เรากลับโทษตัวเอง สิ่งที่เราทำขอเพียงอย่าถอยหลัง หยุดอยู่กับที่เพื่อเหตุผลบางอย่างได้ อย่าหยุดนาน ทำตัว/ ปรับตัวให้ชินกับสถานการณ์ให้ได้เร็วเท่าไรยิ่งดี เราไม่ได้อยู่คนเดียว ไม่ได้เจ็บปวดคนเดียว ขอให้อดทนในสิ่งที่เลือก มองฟ้าแล้วเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ วันหนึ่งก็จะเป็นวันของเรา
แม้เราจะรู้ว่า วันพรุ่งนี้ไม่มีจริง แต่ขอให้เราเฝ้าถามตัวเองว่า หากพรุ่งนี้มาถึงจริงๆ แล้ว ..วันนี้เราจะเสียใจ...ถ้าเราไม่ได้ทำอะไร? วันหนึ่งที่เราทำทุกอย่าง ทำทุกทางเพื่อคนคนหนึ่ง แต่สุดท้ายแล้ว คนคนนั้นไม่อยู่ตรงนั้น ไม่มีใครมาชื่นชมกับเรา.. เราจะทำไง เราจะจัดการกับความรู้สึกที่ก่อเกิดได้อย่างไร คุณต้องหาจุดบาลานซ์ หรือสมดุลของตัวเองให้เจอ
เมื่อวันนั้นมาถึง...คุณจะรู้ว่าฉันกำลังพูดถึงอะไร
ใครๆ ก็พูดได้ ก็รู้สึกได้ ว่า เสียใจๆ เศร้าๆ ดีใจๆ มีความสุขๆ อยากตายๆ ฯลฯ
แต่หลังจากนั้นเราจะจัดการกับมันอย่างไร?
12. คุณเป็นหนึ่งคนที่ชอบภาษาอังกฤษ แล้วคุณมองว่าภาษาอังกฤษกับความรักเหมือนกันมุมไหน
...คุณค่าที่ทุกคนคู่ควร...
ความรักและภาษาฯ ก็ต้องการเวลาและการเอาใจใส่เหมือนกัน หรือคุณว่าไง?!
Tuesday, March 4, 2008
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
1 comment:
หลังจากที่กลับมาอ่านอีกรอบ ฉันรู้สึกว่า..
โอ้..แม่เจ้า นี่ฉันเขียนเองจริงๆหรอ
Post a Comment