"Desperado" เป็นเพลงของวง The Eagles (ดิ-อีเกิ้ลส์) ซึ่งแต่งขึ้นในยุคเซ่เว่นที้ส์ (70s) แต่ที่ฉันฟังนั้นขับร้องโดย Emi Fujita เป็นเสียงผู้หญิงร้องคลอไปกับเสียงเปียโน ไพเราะปนเศร้าๆ ก่อให้เกิดความรู้สึกอีกแบบ เหมือนเธอต้องการบอกอะไรกับชายที่เธอ (อาจจะ) หลงรัก หรืออีกนัยหนึ่งก็อยากจะบอกและเตือนใครสักคนที่เธอรู้จักพฤติกรรมของเขาเป็นอย่างดีเกี่ยวกับสิ่งที่เค้าทำและเผชิญอยู่
การร้องเพลง หากเราเข้าใจเนื้อหาและความหมาย จะทำให้เราร้องพลงนั้นได้อย่างลึกซึ้งและเข้าใจมากขึ้น รวมทั้งสามารถเรียนรู้ภาษาอังกฤษผ่านเสียงเพลงได้อีกด้วย แปลไว้ด้วยการใช้สำนวนของตัวเอง ดีไม่ดีอย่างไรก็ติชมกันได้นะ อาจจะมีบริบทที่เปรียบเทียบเยอะสักหน่อย ทำให้ภาษาที่ใช้ไม่รื่นไหล ยังไงลองอ่านเนื้อเพลง (Lyric = ลิ-ริค = เนื้อเพลง) และทำความเข้าใจก่อนสัก 2-3 รอบแล้วค่อยดูความหมายที่แปลไว้ให้เป็นภาษาไทยเน้อ...
ใครที่อยากฟังเพลง ก็เข้าไปที่ Youtube หรือ Imeem ล่ะกันนะ ^_^
Desperado, why don't you come to your senses?
You been out ridin' fences for so long now
Oh, you're a hard one I know that you got your reasons
These things that are pleasin' you
Can hurt you somehow
Don't you draw the queen of diamonds boy
She'll beat you if she's able
You know the queen of hearts is always your best bet
Now it seems to me, some fine things
Have been laid upon your table
But you only want the ones that you can't get
Desperado, oh, you ain't gettin' no younger
Your pain and your hunger, they're drivin' you home
And freedom, oh freedom well, that's just some people talkin'
You're prisoner is walking through this world all alone
Don't your feet get cold in the winter time?
The sky won't snow and the sun won't shine
It's hard to tell the night time from the day
You're losin' all your highs and lows
Ain't it funny how the feeling goes.... away ?
Desperado, why don't you come to your senses?
Come down from your fences, open the gate
It may be rainin', but there's a rainbow above you
You'd better let somebody love you(let sombody love you)
You'd better let somebody love you....
...BEFORE IT'S TOO LATE...
......ทำไมเธอไม่ตามความรู้สึกของตัวเองไป?
เธอเองหลบหนีกับความจริงมานานแล้ว
โธ่ ทำไมเธอช่างดื้อรั้นนักนะ ฉันรู้ว่าเธอมีเหตุผลของตัวเอง
แม้สิ่งนั้นจะทำให้เธอพึงพอใจ
แต่มันก็สามารถทำร้ายและทำให้เธอเจ็บปวดเธอได้เช่นกัน
เธอยังไม่ยอมทิ้งแหม่มข้าวหลามตัดอีกหรือ...
เธอก็รู้ดี...ว่ามันจะทำร้ายเธอทันทีที่มีโอกาส
แหม่มโพแดงต่างหาก..ที่ดีที่สุดสำหรับการเดิมพัน
ดูเหมือนว่าจะมีไพ่ดีๆ วางข้างหน้าเธอมากมาย
แต่เธอก็ยังหวัง...หวังในสิ่งที่ไม่สามารถเป็นไปได้
......เธอไม่อาจใช้ชีวิตคึกคะนองแบบนี้ได้เรื่อยไปหรอกนะ
ความเจ็บปวดและความปรารถนาเหล่านั้น จะทำให้เธอเข้าใจและคิดได้
อิสระ เสรีภาพ ที่แท้จริง...มีที่ไหนกันล่ะ มันก็แค่สิ่งที่คนเค้าพูดถึง
นักโทษที่กักขังตัวเองอย่างเธอ คงต้องเผชิญโลกกว้างอย่างเดียวดาย
เธอไม่รู้สึกเหน็บหนาวที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวบ้างหรือไร
เวลาที่ท้องฟ้าไม่โปรยหิมะ หรือดวงอาทิตย์ไม่ทอแสง
มันยากต่อการจะบอกว่าเวลาพ้นผ่านไปนานเท่าไร
เธอกำลังสูญเสียทุกอย่าง
ไม่ตลกหรือ หากปล่อยให้ชีวิตจบลงแบบนี้?
......ทำไมไม่ลองทบทวนให้ดี?
ออกมาจากกำแพงที่ปิดกั้นความรู้สึก เปิดหัวใจของเธอเอง
แม้อาจจะเจอกับปัญหา แต่หนทางสว่างก็ยังรอเธออยู่
เธอควรจะปล่อยให้ใครสักคนรักเธอ
...ให้ใครสักคนได้รักเธอ...
...ก่อนที่อะไรมันจะสายเกินไป...
อธิบายเพิ่มเติม
เรามาดูสำนวนกันบ้างนะคะ (Idiom = อิ-เดี้ยม)
*To drive someone home* (ทู ไดรฟ์ ซัมวัน โฮม)
แปลว่า พูดซ้ำๆ ทำซ้ำๆ ให้เข้าใจถึงความหมาย เช่น
She used the bills to drive her sister home that we need to economize.
(ชี ยูสดึ เดอะ บิลส์ ทู ไดรฟ์ เฮอ ซิสเตอร์ โฮม แดท วี นี้ด ทู อิคอนอไมซ์)
หล่อนใช้ใบเสร็จอธิบายให้น้องสาว (ฟังหลายครั้งแล้ว) ว่าถึงเวลาที่พวกเราต้องประหยัดล่ะนะ
จากในเพลง เราจะเห็นประโยค
Your pain and your hunger, they're drivin' you home.
(ยัวร์ เพน แอนด์ ยัวร์ฮังเก้อร์ เดเออะ ไดรฟ์วิ่น ยู โฮม)
ความเจ็บปวดและความปรารถนาที่พบเจอมานั้นจะทำให้เธอเข้าใจและคิดได้
*To walk through something* (ทู วอล์ค ธรู ซัมติง)
แปลว่า ข้ามผ่าน เผชิญ
นี่ก็ใกล้วาเลนไทน์แล้ว ขอยกประโยค(หวาน)เน่าๆ สักประโยคนะค่ะ
Without you, how could I possibly walk through the day?
(วิธเอ้าท์ ยู ฮาว คู้ด ไอ พอสสิ-บลี้ วอล์ค ธรู เดอะ เดย์)
ปราศจากเธอแล้ว..ฉันจะสามารถผ่านคืนวันเหล่านี้ไปได้อย่างไรกัน?
ในชีวิตจริงของผู้เขียน เวลาเจอประโยคพาหะ*เหล่านี้จะไม่ค่อยแปลค่ะ แปลแล้วใจมันสั่น (-_-")
You're prisoner is walking throught this world all alone.
(ยูเออะ พริซันเนอร์ อีส วอล์คกิ้ง ธรู ดีส เวิร์ล ออล อโลน)
จากเนื้อเพลง ประโยคนี้เป็นประโยคเปรียบเทียบค่ะ ประมาณว่า ทุกคนล้วนใฝ่หาอิสระและเสรีภาพ แต่ทำไมเธอยังคงกักขังตัวเองราวกับเป็นนักโทษ และหากยังจมอยู่กับอดีตที่ไม่สมหวัง เธอคงต้องเผชิญกับปัญหาในโลกอันกว้างใหญ่นี้อย่างเดียวดาย
เราสามารถใช้คำว่า Get through แทนก็ได้ค่ะ
(Get through = Walk through)
*You're hard one.* (ยูเออะ ฮาร์ด วัน)
แปลว่า คุณเป็นคนหัวรั้น ยากแก่การเอาชนะ ไม่อ่อนไหว เข้าใจยาก
ย่อมาจาก You're hard person. นั่นเองค่ะ
หากจะหมายถึงคนที่มีร่างกายแข็งแรง กำยำ ซึ่งในภาษาอังกฤษจะใช้คำว่า Strong (สตรอง) หรือ Healthy (เฮลธ์ตี้) เช่น
"Lawrence is a strong person."
(ลอเรนซ์ อีส อะ สตรอง เพอซึน)
ลอเรนซ์เป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรงนะ
เปลี่ยนมาดูคำศัพท์ หรือ Vocabulary ที่น่าสนใจกันบ้างนะคะ
*Desperado* (เดส เพอ รา โด) ความหมายจริงๆของคำนี้คือ โจร ผู้ร้าย ขุนโจร ทรชน ผู้ก่ออาชญากรรม คนที่ชอบเสี่ยง คนที่ไม่ชอบรอคอย แต่ความหมายเปรียบเทียบ คือ เธอผู้สิ้นหวัง เหงาหงอย จดจ่อกับสิ่งที่ไม่สมหวัง จมอยู่กับอดีต ดังนั้นผู้เขียนเลยเว้นว่างไว้ ใครใคร่ใช้คำสรรพนามเรียกว่าอะไรก็ไม่ว่ากัน อาจจะเป็น ที่รัก/ เพื่อนรัก/ ทรชน/ คนเหงา/ รวมถึงถ้อยคำที่ไม่สุภาพที่ใช้เรียกเพื่อนๆ คนสนิทๆ เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าเรากำลังใช้ความหมายของเพลงเป็นตัวกลางสื่อสารกับใครอยู่ ดังนั้นหากใครใคร่ใช้คำไหนก็แล้วแต่ค่ะ
*Draw* (ดรอ)
เป็นคำกริยา เราคุ้นชินกับ Draw ที่แปลว่า วาดรูป ใช่มั้ยค่ะ แต่จริงแล้วกริยาตัวนี้มีได้หลายความหมาย นอกจากจะแปลว่าวาดรูปได้แล้ว ยังแปลได้ว่า ถอน ดึง จูง ชัก(อาวุธ) จับฉลาก และในเนื้อเพลงก็หมายถึงการจั่ว หรือ ทิ้ง(ไพ่) ก็ได้ค่ะ
Don't you draw the queen of dimonds boy.
(ด๊น ยู ดรอ เดอะ ควีน ออฟ ไดมอนด์ส์ บอย)
แปลว่า เธอยังไม่ยอมทิ้งแหม่มข้าวหลามตัดอีกหรือ...พูดต้องการต่อว่าเล็กๆ ว่าทั้งๆที่รู้ว่ามันจะทำร้ายเธอ แล้วทำไมไม่ทิ้งมันไปซะ จะเก็บไว้ทำไมอีก ประมาณนั้นค่ะ

หรือ ไพ่แหม่มข้าวหลามตัด
ความหมายเชิงอุปมาฯ คือ เงินทอง สิ่งของมีค่า ความมั่งคั่ง ผู้หญิงรูปงาม เก่ง มีชาติตระกูล

หรือ ไพ่แหม่มโพแดง
ความหมายเชิงอุปมาฯ คือ ความรัก ผู้หญิงที่มีรักเต็มเปี่ยมและจิตใจงาม
(นอกเรื่อง)

หรือ ไพ่แหม่มโพดำ
ความหมายเชิงอุปมาฯ คือ ผู้หญิงที่เต็มไปด้วยความลึกลับ หรือ อำนาจ วาสนา บารมี
*The queen of clubs*
หรือ ไพ่แหม่มดอกจิก
ความหมายเชิงอุปมาฯ คือ อริ ศัตรู
จากประโยค You're losin' all your highs and lows. ซึ่ง Highs and lows ในที่นี้ก็เปรียบกับการเล่นไพ่ คือเสียทั้งพนันสูงและต่ำ ซึ่งก็หมายถึง ทุกอย่างค่ะ
ประโยคสุดท้ายของวันนี้นะคะ
It may be rainin', but there's rainbow above you.
หมายถึง แม้ว่าฝนจะตก แต่มันก็มีสายรุ้งเรืองรองอยู่ (หลังฝนตก ก็จะมีรุ้งงาม) เปรียบได้กับชีวิตเมื่อพอปัญหามันก็มีทางแก้ไข หรือหากเราผ่านเหตุการณ์ร้ายๆ ไปได้ก็จะมีทางที่สดใสรอเราอยู่ค่ะ
คงไม่แปลกอะไร หากเป็นอีกหนึ่งคนที่ชอบเพลงเพลงนี้ คุณผู้อ่านเคยเจอกับเหตุการณ์แบบนี้บ้างหรือเปล่า หรือกำลังเผชิญอยู่ อย่างไรก็ตามบางครั้งเราก็ต้องปล่อยให้อดีตอยู่ในที่ที่มันควรอยู่ และเป็นคัวเราเองที่ต้องเดินต่อไป ใคร่ครวญ ทบทวนกับอดีตให้เป็นบทเรียนกับปัจจุบัน จะเป็นกำลังใจให้เด้อค่ะ
วันนี้ลาไปก่อนแล้ว พบกันคราวหน้า สวัสดีค่ะ // ป.ล. ตีมไชนีสนี้สีสันรุนแรงไม่เหมาะกับการอ่าน และอาจจะจะรบกวนประสาทตาของคุณผู้อ่านบ้าง ต้องขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วยค่ะ
2 comments:
ขอบคุณค่ะ
ขอบพระคุณมากค่ะ ได้ความรู้เพิ่มขึ้นมากมาย ชอบมากค่ะ :DDDD
Post a Comment